สาระน่ารู้

เสียงเพลงบำบัด

ดนตรีบำบัด หรือ Music Therapy ซึ่งถือเป็นทฤษฎีทางการแพทย์ที่หลอมรวมเอาเรื่องของศาสตร์ด้านจิตวิทยาและศิลป์ทางด้านดนตรีเข้าไว้ด้วยกัน
และนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการรักษา พัฒนา รวมถึงการบำบัดในด้านสุขภาวะของร่างกาย จิตใจ และสังคมสำหรับคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะ
ข้อดีการใช้ดนตรีบำบัด
เสียงดนตรีไม่ได้ทำหน้าที่แค่ให้ความบันเทิงเท่านั้น แต่ในฐานะของการเป็นเครื่องมือบำบัด ดนตรียังทำหน้าที่เป็นเสมือนหมอผู้ช่วยที่ทำงานควบคู่กันกับยาต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย ทั้งในโรคทางจิตใจ อย่างเช่น โรคเครียด, โรคซึมเศร้า ฯลฯ ซึ่งจากการวิจัยทางการแพทย์ของ Buckwalter et.al 1985 ระบุไว้
ว่า การรักษาโรคทางจิตใจด้วยการใช้ดนตรีบำบัดจะช่วยทำให้ลดความกังวล ความกลัว เพิ่มการเคลื่อนไหว และสร้างแรงจูงใจขึ้นมาได้มากยิ่งขึ้น
รวมถึงยังช่วยบำบัดโรคร้ายแรงด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อช่วยลดการกระตุ้นที่ทำให้เกิดการเจ็บปวดที่เกิดจากการรักษาได้ ซึ่งในปัจจุบันเห็นได้จากการนำมารักษาควบคู่กับการให้ยาในโรคมะเร็งที่ช่วยลดความกังวลให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ดนตรีบำบัดยังใช้ได้ผลดีกับกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ เพราะเคยมีการวิจัยที่ระบุไว้ว่า หากผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้ลองฟังเพลงที่คุ้นเคย สมองในหลายส่วนได้กลับทำงานขึ้นอย่างตื่นตัวอีกครั้ง ดังนั้น การจัด Playlist เพลงของตัวเองไว้ตั้งแต่วันนี้ อาจจะส่งผลดีตอนที่เราเริ่มเกิดอาการหลงลืมในอนาคตก็เป็นได้
เสียงดนตรีช่วยบำบัดโรคอย่างไร
อย่างที่บอกไปแล้วว่า เสียงดนตรีมีส่วนช่วยในการบำบัดโรคต่างๆ ได้ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ดนตรีมีประโยชน์ทางการบำบัดได้ถึงขนาดนั้น ก็เป็นเพราะองค์ประกอบต่างๆ ของดนตรีมีผลในด้านจิตวิทยาและการทำงานของสมองโดยตรงนั่นเอง

เรียนรู้องค์ประกอบของดนตรีที่มีผลต่อการบำบัดโรค

1. จังหวะของดนตรี (Rhythm)

หากเล่นในจังหวะ70-80 ครั้ง/นาที (เท่ากับอัตราการเต้นของหัวใจ) จะทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ จากการที่สมองลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือสารแห่งความสุขออกมา

2. ระดับของเสียง (Pitch)

หากเล่นในจังหวะ70-80 ครั้ง/นาที (เท่ากับอัตราการเต้นของหัวใจ) จะทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ จากการที่สมองลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือสารแห่งความสุขออกมา

3. ความดังของเสียง (Volume/ Intensity)

จากงานวิจัยพบว่า เสียงที่เบานุ่มจะทำให้เกิดความสงบสุขและสบายใจ ในขณะที่เสียงดังทำให้เกิดการเกร็ง กระตุกของกล้ามเนื้อได้

4. การประสานเสียง (Harmony)

เพราะเป็นการร้องร่วมร้องเพลงด้วยกันหลายคน ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับการควบคุมตัวเองมักมีปฏิกิริยาที่แสดงออกมาเมื่อฟังเสียงประสานต่างๆ จากบทเพลง ซึ่งช่วยในการวัดระดับอารมณ์ความรู้สึกและทำการประเมินการรักษาได้ง่ายขึ้น

5. ทำนองเพลง (Melody)

ทำนองของเพลงคือส่วนที่ทำให้บทเพลงนั้นเข้าถึงอารมณ์คนฟังได้ดีที่สุด การเปิดทำนองเพลงที่ผู้ป่วยชื่นชอบจึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการระบายความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจ จนสุดท้ายช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นตลอดการรักษาได้เป็นอย่างดี
ดนตรีบำบัดโรคทางกายได้หรือไม่
ในความเป็นจริงแล้ว ดนตรีอาจไม่ได้เป็นตัวการที่ทำให้โรคร้ายแรงหายไปได้ แต่เสียงดนตรีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นได้จากการรักษาทางใจโดยอ้อม เพราะประสบการณ์ทางเสียงเหล่านี้ เมื่อผู้ป่วยได้สัมผัสก็เหมือนจะได้รับพลังและได้รับแรงกระตุ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป หากทำการบำบัดซ้ำๆ อย่างเข้าใจ ดนตรีจะกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ให้ความสุขและกำลังใจกับผู้ป่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว!

สรุป

แม้ดนตรีบำบัดจะเป็นศาตร์ที่ช่วยในการรักษาทางการแพทย์ แต่สำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียด และปัญหาทางด้านอารมณ์ได้โดยง่าย ก็อาจจะเลือกหยิบเอาเคล็ดลับและวิธีการจากดนตรีที่จะช่วยบำบัดให้ความกังวลใจเหล่านี้หายไป

เพียงแค่เปิด Playlist เพลงโปรดพร้อมฟังผ่านหูฟังคู่ใจ แค่นี้คุณก็มีที่ปรึกษาทางใจที่เรียกว่า ‘เสียงเพลง’ ได้ในทุกๆ วัน

ขอบคุณบทความ : https://www.cigna.co.th/